CTH ลดทุกช่องทางให้บริการ เหลือเพียงจานฟ้า บน Vinasat ของเวียดนาม แต่ยังไม่เลิกให้บริการ คลอดแพกเกจเปรมปรีดิ์เดือนละ 500 บาท กลายเป็นบทเรียน วิชัย ทองแตง หลังแผนทุกอย่างไม่ราบรื่น หวังโค่น True Vision ทุ่มเกือบหมื่นล้านคว้าพรีเมียร์ลีก สุดท้ายเข้าเนื้อ ขาดทุนบักโกรก สุดท้าย True Vision กลับมาได้อีกครั้งด้วยพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จาก being sports
ประกาศของทาง CTH ที่จะยุติการให้บริการระบบจานดาวเทียม Ku Band ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2559 นี้ นั่นหมายถึงการออกอากาศรายการของ CTH ผ่านกล่องรับสัญญาณของ GMMz จะยุติลง และให้ลูกค้าได้ตรวจสอบสิทธิ์ของการชดเชยจากทางบริษัท
นับเป็นพันธมิตรรายสุดท้ายที่ค่าย CTH จะยุติในการให้บริการผ่าน หลังจากวันดังกล่าวระบบการออกอากาศของ CTH จะเหลือรูปแบบในการให้บริการเคเบิลทีวีเพียงระบบจานดาวเทียม Ku Band ที่ออกอากาศบนดาวเทียม Vinasat เท่านั้น
ในทางปฏิบัติแล้วการเลิกให้บริการผ่านระบบ Ku Band ไม่ได้หมายความว่า CTH จะเลิกกิจการ เพราะยังมีช่องทางรับชมผ่านทางดาวเทียม Vinasat Ku Band อยู่ และมีแพกเกจเปรมปรีดิ์ ค่าบริการเดือนละ 500 บาท แม้จะไม่มีรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอีกต่อไป แต่ยังมีรายการของ Fox Sport และรายการสารคดีของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก แหล่งข่าวจากวงการเคเบิลทีวีกล่าว
ทั้งนี้เป็นเพราะตัวรายการที่ซื้อมายังไม่หมดสัญญากับต้นทางและยังต้องเช่า Transponder ของ Vinasat ต่อไป อย่างน้อยก็ยังสร้างรายได้ให้กับ CTH ต่อไปได้อีกระยะ เพราะลูกค้าจานดาวเทียมของ CTH ในรุ่นปี 2556 ยังคงมีอยู่จำนวนหนึ่ง
หากจะว่าไปแล้ว CTH ถือเป็นเคเบิลระดับชาติที่ก้าวขึ้นมาต่อกรกับ True Vision ได้เพียงแค่ระยะเวลา 3 ปีเท่านั้น และจากนี้ไปตำแหน่งเดิมที่เคยได้เปรียบด้วยเนื้อหารายการคงต้องคืนกลับมาให้กับ True Vision อีกครั้ง จากนี้ไปคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริหาร CTH ว่าจะเดินธุรกิจนี้ไปในทิศทางใด
เบียด True Vision ได้แค่ 3 ปี
บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หรือ CTH ถือเป็นการให้บริการเคเบิลทีวีระดับชาติอีกรายต่อจาก True Vision ที่ครองตลาดทีวีแบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) มาอย่างยาวนาน หลังจากที่ผู้ประกอบการรายอื่นอย่างไทยสกายและไอบีซีถอนตัวออกไป และด้วยรายการแม่เหล็กอย่างลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ที่ True Vision ได้ลิขสิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กุมฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อมี CTH ก้าวเข้ามาท้าชิงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในปี 2556-2558 และพร้อมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์นี้มาครอบครองเพื่อเบียดให้ True Vision ตกอยู่ในสถานะเป็นรอง เพราะลูกค้าของ True Vision ที่ต้องการดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะต้องย้ายมาเป็นลูกค้าของ CTH ดังนั้นมูลค่าของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกใน 3 ฤดูกาลที่ผ่านมามีการทุ่มประมูลในมูลค่าสูงเฉียด 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่เมื่อครั้งที่ True Vision ประมูลมาครั้งก่อนเพียง 2 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น
ต้นกำเนิดของ CTH นั้นมาจากความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มทุนใหญ่อย่างนายวิชัย ทองแตง อดีตทนายความคดีซุกหุ้นของทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหลายกิจการ ชักชวนกลุ่มทุนอย่างกลุ่มไทยรัฐ ผ่านนางยิ่งลักษณ์ วัชรพล เข้ามาร่วมกับทางสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ภายใต้สายสัมพันธ์ทางเครือญาติกับนายสุรพล ซีประเสริฐ อดีตนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ที่มีศักดิ์เป็นน้าเขยของวิชัย
เนื่องจากการที่จะไปประมูลซื้อลิขสิทธิ์ใด จะต้องมีฐานของผู้ชมรองรับ เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการเข้าประมูล สมาคมเคเบิลทีวี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเคเบิลท้องถิ่น มีฐานสมาชิกอยู่แล้วราว 10 ล้านครัวเรือน ดังนั้นการพบกันของทุนใหม่กับผู้ประกอบการเคเบิลเดิม จึงเป็นสิ่งที่ลงตัวในเวลานั้น และเป็นการตอบโจทย์ทุนใหม่มีลูกค้าในมือทันที ส่วนผู้ประกอบการเคเบิลเดิมที่ติดขัดเรื่องเงินทุนในการซื้อรายการจากนี้จะมีรายการดีๆ เข้ามา นั่นคือฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ
ประมูลสูง-ค่าบริการต่ำ-สมาชิกน้อย
ครั้งนั้นทำให้สมาชิกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประประเทศไทยแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเห็นด้วยที่จะเดินไปตามแนวทางของกลุ่มทุนใหม่ อีกกลุ่มเลือกที่จะไม่เข้าร่วม ด้วยโครงสร้างของบริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นมา สมาคมฯ เป็นเพียงผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งใน CTH และจากการเพิ่มทุนหลายครั้งทำให้สัดส่วนของสมาคมฯ ลดลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นส่วนน้อยเท่านั้น
หลังจากที่ชนะการประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ 3 ฤดูกาลมาได้ด้วยมูลค่าที่สูงเป็นประวัติการณ์ ฤดูกาลแรก 2556/2557 การออกอากาศมีทั้งผ่านเคเบิลท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตรกัน และแก้จุดโหว่เพื่อให้สามารถบริการผู้ชมได้ทั่วประเทศ จึงมีระบบดาวเทียมให้บริการอีกทาง
การออกอากาศของ CTH ที่นำรายการขึ้นระบบดาวเทียมนั้น Vinasat Ku Band ถือเป็นการเพิ่มเติมการเผยแพร่รายการอีกช่องทางหนึ่งนอกเหนือจากระบบสายเคเบิลทีวีของเคเบิลท้องถิ่นที่จับมือกับ CTH และเป็นระบบดาวเทียมแรกที่ผู้บริหารของ CTH เลือกใช้ เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการอย่างเต็มพื้นที่
เดิมความหวังของคุณวิชัยต้องการใช้ดาวเทียมไทยคม Ku Band เป็นหลัก เพราะหวังว่าลูกค้าเดิมของ True Vision จะหันมาใช้บริการ เพียงแค่เปลี่ยนกล่องรับสัญญาณจากเจ้าเดิมมาเป็นของ CTH เท่านั้น แต่ด้วยปัญหาที่ Transponder ของไทยคม Ku Band เต็ม ทำให้ไปเลือกใช้ดาวเทียม Vinasat ของเวียดนามแทน
ด้วยการเปิดราคาค่าบริการรายเดือนที่ต่ำกว่า True Vision มาก ซึ่ง CTH คิดประมาณ 500 บาทต่อเดือน หากชำระทั้งปีจะถูกลงไปอีก แม้ว่าจะต้องมีการลงทุนใหม่เรื่องจาน เมื่อคำนวณแล้วมีความคุ้มค่าหลายคนก็ยอมที่จะเปลี่ยน ทำให้เวลานั้นช่างติดตั้งมีไม่เพียงพอ จนบางรายที่ต้องรอคิวติดตั้งเลือกที่จะไม่ดู
ไม่แคร์-แตกหักมิตรเดิม
ระหว่างนั้นทาง CTH เกิดปัญหากับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นกันมาอย่างต่อเนื่อง เพราะท่าทีของ CTH หลังจากได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาแล้ว ความสัมพันธ์กับเคเบิลท้องถิ่นกลับไม่เหมือนเดิม สถานะของเคเบิลท้องถิ่นถูกลดลงเหลือเพียงแค่ตัวแทนของ CTH เท่านั้น ค่าบริการในแต่ละพื้นที่ต้องส่งเข้า CTH ก่อนแล้วรอให้ CTH แบ่งกลับมาตามข้อตกลง
อีกทั้งการรุกตลาดจานดาวเทียมของ CTH ทำให้ลูกค้าเดิมของเคเบิลท้องถิ่นหายไป ซึ่งปัญหานี้เป็นผลมาจากสายเคเบิลท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็นแบบอะนาล็อก ขณะที่สัญญาณในการออกอากาศเป็นดิจิตอล และการที่จะให้เคเบิลท้องถิ่นลงทุนเปลี่ยนสายเคเบิลเป็นระบบดิจิตอลต้องใช้เงินลงทุนสูง ทำให้หลายรายไม่ยอมลงทุน ลูกค้าที่ต้องการรับชมฟุตบอลก็ต้องเปลี่ยนไปรับจากจานดาวเทียมแทน
หลังจากที่แนวทางในการเพิ่มสมาชิกไม่เป็นไปตามเป้าหมาย CTH ได้จับมือกับผู้ประกอบการดาวเทียมอย่างค่าย PSI ในระบบ C band หรือร่วมมือกับกลุ่ม Ku Band ทั้งกล่อง Sun Box ของค่าย RS และกล่อง GMMz ของแกรมมี่ รวมไปถึงมือถือค่าย AIS หรือปล่อยทางฟรีทีวีในบางคู่
ขาดทุนอ่วม-ทยอยเลิกช่องทางเสริม
แม้จะมีเสียงโอดครวญจากลูกค้าเดิมอยู่บ้างที่โปรโมชันใหม่ๆ ที่ออกมาเฉลี่ยแล้วจะถูกกว่า แต่ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ CTH ได้ เมื่อลูกค้าลดลงไปเรื่อยๆ บวกกับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่สูงมาก และยังมีต้นทุนรายการอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อาการเดินต่อไปไม่ไหวของ CTH ก็เริ่มมีให้เห็น
เริ่มจาก 1 พฤศจิกายน 2558 CTH ประกาศยุติการให้บริการผ่านเคเบิลท้องถิ่น ตามมาด้วย 1 มีนาคม 2559 ประกาศปิดสัญญาณที่ให้บริการผ่าน PSI ถัดมา 31 มีนาคม 2559 หยุดให้บริการบนกล่อง Sun box ของ RS และล่าสุด 1 สิงหาคม 2559 นี้ยุติให้บริการในไทยคม Ku Band ซึ่งคือกลุ่มผู้ใช้กล่อง GMMz
ด้วยต้นทุนที่สูงจากการประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกของอังกฤษและจัดเก็บค่าบริการเพียงเดือนละประมาณ 500-600 บาท การขยายฐานสมาชิกทำได้จำกัด ทำให้ในฤดูกาลแรกที่ประมูลลิขสิทธิ์มาสถานะของ CTH ปี 2556 ขาดทุนสุทธิกว่า 3.2 พันล้านบาท มียอดขาดทุนสะสม 3.58 พันล้านบาท ถัดมาปี 2557 ขาดทุนสุทธิ 4.45 พันล้านบาท ยอดขาดทุนสะสมอยู่ที่ 7.92 พันล้านบาท และยังคงต้องรอผลการดำเนินงานที่เหลือว่าจะเป็นอย่างไร
เป็นอันว่าหลังจากฟุตบอลยูโร 2016 จบลง บริการของ CTH จะเหลือเพียงระบบ Ku Band บน Vinasat เท่านั้น แม้จะยังให้บริการอยู่แต่รายการที่เหลือคงไม่ดึงดูดใจให้คนจำนวนมากหันกลับไปใช้บริการอีก
ทั้งนี้เพราะลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าในประเทศไทย ค่าย being Sports ของสำนักข่าวอัลจาซีราได้ลิขสิทธิ์ไป 3 ฤดูกาล และได้เจรจากับทาง True Vision ให้เป็นผู้เผยแพร่สัญญาณ และแบ่งอีก 26 แมตช์ผ่านฟรีทีวีให้กับสถานีโทรทัศน์ PPTV
พลาดและพลาด
นี่น่าจะเป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของวิชัย ทองแตง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลประสบความสำเร็จมาตลอด เป้าหมายมีรายได้หมื่นล้านแล้วจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ด้วยต้นทุนพรีเมียร์ลีกเฉลี่ยปีละ 3 พันกว่าล้านบาท เทียบกับที่ True Vision ประมูลในครั้งก่อนเฉลี่ยปีละ 800 ล้านบาท ซึ่งเก็บรายเดือนราว 1,500-2,000 บาทต้นๆ ขณะที่ CTH เก็บที่ 500-600 บาท ทำให้ต้องมีการเร่งหาสมาชิกให้มากที่สุดเพื่อให้เกิดการคุ้มทุน
แต่ CTH กลับผิดพลาดในเรื่องความสัมพันธ์กับเคเบิลท้องถิ่น ทำตลาดข้ามหัวผู้ประกอบการเหล่านั้น หันไปทำธุรกิจกับคู่แข่งของเคเบิลท้องถิ่น แถมลดสถานะลงเหลือแค่เป็นสำนักงานส่งรายได้เข้ามาแล้วรอส่วนแบ่ง ระบบบริหารของ CTH คือการมองข้ามเรื่องของวัฒนธรรม เพราะเคเบิลท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการทั้งสิ้น ทำธุรกิจนี้มา 10-20 ปีขึ้นไป เมื่อเปลี่ยนลดสถานะของพวกเขาลงใครจะยอม
จริงๆ แล้ว CTH ที่เข้ามาในสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เป้าหมายหลักก็เพื่อเอาฐานของผู้ชมมาเป็นองค์ประกอบหลักในการยื่นขอประมูล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเท่านั้น แน่นอนว่า 10 ล้านครัวเรือนย่อมมากกว่าฐานสมาชิกของ True Vision แต่เมื่อได้ลิขสิทธิ์มาแล้ว ความสำคัญของสมาคมฯ ก็ลดลง
ประการต่อมาความผิดพลาดที่ไม่สามารถออกอากาศได้บนไทยคม Ku Band ทำให้โอกาสในการช่วงชิงลูกค้าจาก True Vision ลดลงไปด้วย คนอยากดูต้องซื้อจานใหม่ ติดตั้งใหม่ ต้องใช้เงินอีก 1,500-2,000 บาท ทำให้ต้องวิ่งวุ่นร่วมมือกับเจ้าของจานดาวเทียมต่างๆ ที่ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายอื่นตามมา
ส่วนสิทธิ์ในการบริหารลิขสิทธิ์ในประเทศลาวและกัมพูชา ไม่มีการกล่าวถึง เป็นที่ทราบกันดีว่าโอกาสที่จะทำเงินจากประเทศเพื่อนบ้านนั้นเป็นไปได้ยาก แม้จะมีผู้ชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกใน 2 ประเทศแต่ภายในประเทศเขาก็มีเคเบิลให้บริการเช่นกัน ฟุตบอลครบทุกลีก ค่าบริการรายเดือนต่ำมาก 100-200 บาท และไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องของลิขสิทธิ์เหมือนในประเทศไทย
แม้คนที่ชื่นชอบฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษจะไม่ได้เป็นสมาชิกของ CTH แต่ในโลกดิจิตอล อินเทอร์เน็ตมีกันเกือบทุกบ้าน การรับชมฟุตบอลสามารถหาชมได้ผ่านทาง link ต่างๆ ที่มักแจ้งให้ทราบก่อนการแข่งขันไม่นานนัก แม้จะมีสะดุดบ้างแต่ก็ชมได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติม
นอกจากนี้การเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอลทำให้หลายสถานีเร่งหา Content เข้ามาเพื่อเพิ่มฐานผู้ชม ตอนนี้มีการถ่ายทอดสดกีฬาให้ชมกันหลายช่อง ทั้งช่อง PPTV ช่อง 7 ไทยรัฐ Work point หรือ True4u หรือมีสารคดีให้เลือกชมอย่างหลากหลาย รวมไปถึงการนำเอาภาพยนตร์มาฉายกันแทบทุกช่อง ดังนั้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ชมที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
True Vision กลับมาอีกครั้ง
เมื่อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าเปลี่ยนมือไป และค่าย being sports ที่ประมูลได้และหันไปจับมือกับ True Vision เพื่อเผยแพร่สัญญาณ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ True Vision ชวดลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกไป จะกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะเป็นเพียงช่องทางในการถ่ายทอดสดการแข่งขันและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกับ being sports แต่ถึงวันนี้ค่าย True Vision ก็ยังไม่มีการแจ้งราคาค่าบริการในการรับชมที่มีฟุตบอลพรีเมียร์ลีกออกมา
แม้พรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ จากการสอบถามไปยัง True Vision ถึงเรื่องค่าบริการในการรับชมรายการที่มีฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนั้น ได้รับคำตอบว่าขณะนี้ทางบริษัทกำลังเจรจากับทาง being sports ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป จึงยังไม่สามารถกำหนดราคาแพคเกจในการรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกออกมาได้ แต่ยืนยันว่าคงจะมีการแจ้งให้ผู้สนใจทราบก่อนเริ่มฤดูกาลอย่างแน่นอน
ที่มา :
http://manager.co.th/SpecialScoop/ViewNews.aspx?NewsID=9590000063298