บอร์ดโบราณ ดาวเทียม - HD player - CCTV

  ถึงเวลาแล้วครับ สำหรับผู้ชื่นชอบและหลงไหล  จานดาวเทียม  ไม่ว่าช่างอิสระ  หรือ คนที่ชอบ

รวมตัวกัน เพื่อป้องกันการผูกขาด  หรือ  ออกกฎ ที่ชาวดาวเทียม รากหญ้า เสียเปรียบ

 ตอนนี้   ชาวดาวเทียม เหมือนกัน  ไม้ไผ่ก้านเล็กๆ  แยกกระจัดกระจาย  ถึงแม้ว่า จะเป็นคนส่วนใหญ่ในวงการดาวเทียม  แต่เนื่องจากแยกกันจึงโดนเอาเปรียบ  เมื่อขาใหญ่  จับเอา ไม้ไผ่กิ่งเล็กๆ  ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่หยิบมาที่ละกิ่ง  ก็สามารถหัก ได้ง่าย 

แต่เมื่อไหร่ กิ่งไม่เล็กๆ รวมกันเป็นกำ  ขาใหญ่ก็ไม่สามารถหักได้

 ใครได้ดูเรื่อง  rise of planet of the apes   จะเห็น เจ้าซีซ่า  ลิงที่ถูกจับไปขัง   แล้วเห็นลิง  ทะเลาะกัน  แล้วมีลิงอีกตัวบอกว่า   ลิงต่างคนต่างอยู่ทำให้ไม่มีพลัง แล้วลิงตัวนั้นก็ หยิบกิ่งไม้ ขึ้นมา 1 อัน  จับหักได้อย่างง่ายดาย   แต่เมื่อ เขาหยิบกิ่งไม่ขึ้นมา  หลายๆกิ่ง  กลับ ไม่สามารถหักได้  หรือหักได้ยาก

  ฉันใดฉันนั้น   มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องรวมกัน เหมือน หนังเรื่องนั้น

 

 อีกอย่าง ปัญหาที่เกิด การบ่นเรื่อง แค่แรงและราคา ไม่คุ้ม  จนขาใหญ่ คิดจะมา ต้อนช่างเข้าคอก
 คอกใคร  คอกม้น

   เพื่อที่จะ คุ้มราคา ขายจานนั้นผมว่ายาก  สมัยนี้ ม้นสมัยไหนแล้ว   อินเตอร์เน็ทไปทั่วหมด


 แต่ปัญหาคือ ประเทศไทย  มองช่างต่างๆ  เป็นเหมือน  บุคคล ชั้นสอง 

มองว่าช่าง เหนือย  งานสกปรก   สู้คนทำงานในออฟฟิศ ไม่ได้ เลย มองค่าแรงช่างให้ถูกๆ

  อย่างผมเมื่อสองปีที่แล้ว เคยไปซ่อมทีวี ให้ ลูกค้าที่  บ้านนึง  ทีวีก็29  นิ้ว  อาการคือม้นหลวม

ผมก็ ถอดซ่อมที่บ้านลูกค้า เลย ซ่อมต่อหน้า  เสร็จแล้วผมก็คิดเงิน  เนื่องจากว่าลูกค้า มีลูกค้าอีกคนแนะนำมา   พอผมบอกราคาไปว่า  400  บาท  ซึ่งผมถือว่า ถูกมาก   ลูกค้า กลับบอกว่า  โอ้โฮ  ทำแค่นี้เองทำไมแพงจัง  ผมอึ้งเลย  ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้โกหก ว่า  ไอ้โน่นเสีย  ไอ้นี่เสีย  แล้วคิดเงิน  เป็น พัน หรือกว่านั้น     ผมก็คิดในใจว่าไม่ไหว เลยเก็บแค่ 300  บาท
   
  ลูกค้าคนนี้เขาก็ทำงาน ออฟฟิศ   นี่่ไง คือสาเหตุ  ที่ช่างต่างๆ ในเมืองไทย ต้องโกหกว่า ไอ้นั่น  เสีย  ไอ้นี่เสีย  เพื่อจะได้บอกว่า เก็บพันบาท  ค่าอะไหล่  800  บาท  คิดค่าแรง  200  บาท   ทั้งๆที่  คิด 1000 บาท  ค่าอะไหล่ แค่  20  บาท

  จริงๆ การแก้ปัญหา คือ ต้องปรับ คนไทยให้ยอมรับ ค่าแรง ค่าบริการ 

คุณพูดมาไม่หมด.ปัณหาที่ท่านเจอน่าจะมากก่าวนี่.ผมเองก็..............

  หรืออีกตัวอย่างนึง  เมื่อวานนี้ สดๆ ร้อนๆ เลย เพิ่งออกจากเตา

   ผม ขายปริ้นเตอร์  ให้กับ สถานที่นึง  ก็ปีกว่าแล้ว ทีนี้เขาก็ใช้มา แล้วคราวนี้เขาเปลี่ยน หมึกสีใหม่
แล้วม้นพิมพ์ไม่ออก เขาก็นึกว่า ปริ้นเตอร์เสีย  ก็โทรให้ผมไป ผมก็ไม่ดู อืม อาจเป็นได้ว่าปริ้นเตอร์เสีย

 ผมก็ลองโทรเข้าไปที่ HP ทำตามที่เขาบอก  เขาก็บอกว่าอาจจะเสียที่ปริ้นเตอร์ ให้เอาเข้าปเครม ที่ตึกอื้อจือเหลียงได้ เพราะว่าจะได้เร็ว

  ผมก็เลยเอาเครืืองปริ้นเตอร์ พร้อมหมึกไปที่ ตึกอื้อจือเหลียง เพื่อว่าจะได้เครมเร็ว

เพราะว่าถ้าส่งผ่านร้าน เป็นเดือนแน่นอน  เมื่อผมไปเครมที่นั่น เขาก็เทส แล้วบอกว่า หมึกสี ม้นเสีย เขาก็ทำเรื่องเครม ให้เสร็จก็เทส ใช้ได้

วันศุกร์ผมก็เอาเครื่องไป ให้เขา  เขาก็ถามว่า  ค่าเสียเวลาเท่าไหร่   ผมก็บอกไปว่า ค่าน้ำม้น 200  บาท  ซึ่งจริงๆ  ไม่คุ้มอย่างแรง คิดดู ว่า วิ่งไปดูที่บ้านเขา  ยกกลับมาบ้านผมก่อน แล้ววันรุ่งขึ้นวิ่งไปตึกอื้อจือเหลียง  เพื่อเครม รอ 1 ชม  เอาเครื่องกลับมาบ้าน อีกวัน เอาไปส่ง

   200  บาทนี่โคตร คุ้ม  แต่เขาก็ ลดหน่อยผมก็ OK รู้จักกัน  100 บาท  เพราะว่าเขาจะเบิกไม่ได้ ต้องออกเอง

   หมึก หน่วยงานก็ไม่ได้ซื้อกับผม จริงๆ ต้องไปเครมกับคนขายหมึกให้ แต่ถ้าไปเครม  คงรอเป็นเดือน เพราะว่าคนขายหมึก เขาคงส่งให้ร้านขาย  หรือถ้าไปเครมกับ synex  ก็เกือบเดือน เพราะว่าผมก็เคยส่งหมึก HP เครมผ่าน  synex

  

 ผมซ่อมมา  หลายอย่าง ที่เกี่ยวกับงานซ่อมและการบริการ

ลูกค้าคนไทย จะมีปัญหาเรื่อง ค่าแรง ค่าบริการอย่างมาก

 ค่าแรงช่างต้องถูก  ค่าอะไหล่แพงไม่เป็นไร

ปัญหานี้ ม้นเป็นปัญหาระดับชาติ

การดูถูกช่าง ว่าต่ำกว่า พวก นั่งโต๊ะทำงาน 

 สิ่งนี้ต่างจากเมืองนอก

ฝรั่ง ช่างนี่ค่าแรงแพงกว่า พวกนั่งโต๊ะ  ที่ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต  หรือ ทำหน้าที่สำคัญอีก

   สิ่งนี้ต่างหากที่ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่ ว่าไม่ให้  ลูกค้ารู้ราคา ต้นทุนสินค้า

 เวลาผมซ่อมบริการ ก็ดูลูกค้า ถ้าลูกค้าดูแล้ว  แฟร์  ก็บอกไปเลย ปริ้นท์หลวม บัดกรีก็หาย  คิดค่าซ่อมเท่าไหร่ก็ว่าไป  แล้วก็ ซ่อมเลย เก็บเงินเลย

แต่ถ้าลูกค้าดูแล้ว ถ้าจะเรื่องมาก ก็จะประเมิน ราคาค่าซ่อมเหมา เลย  แล้วค่อยเอาเครื่องมาคืน

  จริงๆ ตั้งแต่ที่ ซ่อมอะไรมานี่ ไม่อยากจะโกหก ลูกค้าเลย  ว่าอะไหล่แพง ค่าแรงถูก

  ที่ผมเคยคิดไว้ อยากจะบอกลูกค้าเลย ว่า อาการนี้ปริ้นท์หลวม ค่าซ่อมเท่านี้

  อาการที่ซ่อมนี่  R ขาด ค่าอะไหล่   ห้าสิบตัว  ค่าบริการ  800 บาท
แต่ในความเป็นจริงทำไม่ได้  ทำได้แค่ลูกค้าบางคนเท่านั้น  เราต้องโกหก ว่า  ค่าอะไหล่ 600 บาท แต่จริงๆ ห้าสิบตัง  แล้วต้องบอกว่าค่าแรง 200 บาท แต่จริงๆ  800 บาท

  นี่ต่างหากจุดนี้ ที่ต้องแก้

 เพราะว่าเท่าที่ผมซ่อมมา  ผมจะได้ยินคนรู้จัก จะบอกเสมอว่า พวกช่างนี่ ชอบบอกไอ้นั้นเสีย  ไอ้นี่เสีย แล้วคิดแพง

  จริงๆ มีช่างจำนวนมากต้องโกหก เพื่อไม่ให้ม้นดูว่าคิดแพง แต่คิดดู บางที่กว่าจะซ่อมได้หาเจอ อะไหล่ตัวละ  ห้าสิบตัว   หรือว่า แค่ปริ้นท์หลวม บางที  หลายวัน  บางคนก็ซ่อมไม่ได้อีก

แล้วจะมาคิดค่าแรง  200-300 บาท

หรือถ้า ช่างสามารถซ่อมได้เร็ว ก็ยิ่งดีแสดงว่าช่างวิเคราะห์หาอาการได้ดี

 บางครั้งซ่อมได้เร็วยังต้อง  หาทางอู้เลย  ลูกค้าไม่เข้าใจ  คิดแล้วก็เหนื่อย

   

ช่วยแชร์ความคิดครับ

ใจเขา ใจเรา..ต้องมองทั้งในมุมของช่าง และลูกค้า
ความจริง ก็คือความจริง

ช่าง มีค่าวิชาด้วยนะครับ อย่าคิดแต่ค่าแรง ซ่อม 1000 =ค่าแรง 200+ค่าอะไหล่ 200+ค่าวิชา 600    ^____^

ครั้งนึงบริษัทเคยเรียกช่างเข้ามาเซอร์วิสจานแดง(ติดในนามบุคคล) เปลี่ยน line amp ที่อยู่หลังจาน 2 ตัว ค่าแรง+ค่า line amp รวมเป็นเงิน 4800 บาท ท่านๆคิดอย่างไรครับ..จะแพงไปนิดคงไม่มีใครว่าอะไรถือว่าช่วยๆกันไป..แต่เลยเถิดไปขนาดนี้ถ้าโดนกับตัวท่านเองจะคิดอย่างไร

พูดถึงงานซ่อมทั่วๆไปนะครับ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคโทรนิคหลายอย่างที่ตอนนี้คือว่าค่าซ่อมกับราคาซื้อของใหม่มันแตกต่างกันไม่มาก ก็เลยทำให้คนเขาไม่อยากจะซ่อม เวลาเสียก็เลยไปซื้อของใหม่มาใช้เลย ของเก่ที่เสียก็ทิ้งเอาไว้เช่นพัดลม ดีวิดี กล้องถ่ายรูป ทีวี ฯลฯ ตรงนี้หากช่างคิดค่าซ่อมแพงไป ผมว่ายิ่งจะทำให้คนหันไปซื้อของใหม่มาใช้แทนไปเลย กลายเป็นปัญหาขยะอิเลคโทรนิคล้นโลกในที่สุด ตรงนี้ผมว่าบทบาทของช่างอิสระจะเข้ามาช่วยเหลือได้มาก

เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างที่เสียถ้าซ่อมได้ทำให้กลับมาใช้งานเหมือนเดิมหรือเกือบๆเหมือนเดิมได้ผมกลับรู้สึกภูมิใจนะครับที่ได้ช่วยลดขยะอิเลคโทรนิคลงได้

อยากให้มีช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าคิดราคาที่ไม่ต้องแพงเกินไปนัก แต่ก็อย่างว่าละครับ มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วยเช่นอะหลั่ย ค่าเดินทาง ฯลฯ

ผมก็อยากขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองนี้เพื่อแชร์กับท่านอื่นๆบ้างครับ

น่าเห็นใจช่างครับ..ปัญหาดังกล่าว(หรือปัญหานี้) คงเกาะในหัวใจท่าน นานจริงๆ.. ถึงระบายออกมาได้ขนาดนี้ (เห็นใจครับ) ปัญหานี้ผมเคยประสบมาแล้วและมากครั้งด้วย.. ส่วนมากผมจะซ่อม /ติดตั้ง/เปลี่ยนแปลง/แก้ไข7เฉพาะคนที่เขายอมจ่ายครับและราคาก็สมเหตุสมผลครับ เหมือนกับการปรับหน้าจาน/หน้าจานเพี้ยน เรียกเราไปดูระยะทางไปกลับ 100 โล ผมคิด 500 เขาบอกมาแค่นี้คิดแพงจัง ผมเลยบอกอยากให้ผมเท่าไร? เขาจ่าย 300 แค่ค่าน้ำมันก็เหลือแล้วเขาบอก?  คิดปลงในใจครับ?วันพระคงไม่มีหนเดียว  ครั้งต่อไปคงเป็นช่างคนใหม่ก็แล้วกัน สาธุ..

ที่เล่ามา....มันใช่เลย...ท่านเอ๋ย.

ผมเองตงลงราคาก่อนคุ้มความเสี่ยงก็ทำ ไม่คุ้มค่าก็ไม่ทำครับ

งานซ่อมต้องตกลงราคาก่อนทำ ลูกค้ารับตกลงค่อยลงมือ