กสทช.มีมติลดขั้นตอนนำเข้าอุปกรณ์เซ็ตท้อปบ็อกซ์โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตตามพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ชี้เป็นตัวส่งเสริมเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอล พร้อมเห็นชอบร่างฯMust Have ก่อนไปประชาพิจารณ์ต่อ รวมทั้งเปิดศูนย์สื่อสารกสทช.เพื่อผู้ประสบภัยที่แม่ฮ่องสอน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าที่ประชุมบอร์ดกสทช.เมื่อวันที่ 26 มี.ค.เห็นชอบร่างประกาศ กสทช.เรื่องกำหนดให้เครื่องวิทยุคมนาคมและสถานีวิทยุคมนาคมในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 เนื่องจากก่อนหน้านี้การนำเข้าอุปกรณ์แปลงสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล(Set-Top-Box)และสายอากาศที่ใช้กับอุปกรณ์ดังกล่าวจะต้องได้รับ ใบอนุญาตตามพ.ร.บ.วิทยุคมนาคมฯ ก่อนจึงจะนำเข้าหรือออกได้ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลสามารถดำเนินการได้บรรลุตามแผน ไม่เกิดอุปสรรคในการรับชมช่องรายการด้วย
ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การแพร่เสียงแพร่ภาพรายการที่สำคัญ พ.ศ. .... เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงรายการที่สำคัญได้อย่างแพร่หลายผ่านช่องฟรีทีวี โดยห้ามไม่ให้ถูกจำกัดช่องทางการรับชมจากผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใด ทั้ง 7 ชนิดกีฬาได้แก่ 1.รายการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2. รายการแข่งขันคอนเฟดเดอเรชั่นส์คัพ 3. รายการแข่งขันเอเชี่ยนคัพรอบสุดท้ายและรอบที่มีทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขัน 4. รายการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก และฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 5. รายการแข่งขันเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก 6. รายการแข่งขันวอลเล่ย์บอล ระดับชิงแชมป์โลก และ7. รายการแข่งขันเทนนิสเดวิสคัพ ซึ่งทั้ง7ชนิดกีฬาดังกล่าวผู้ประกอบการจะต้องไม่แพร่ภาพในลักษณะผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว หรือจำกัดการแข่งขัน และการกำหนดอัตราค่าตอบแทนจะต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลไม่สูงจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค รวมถึงที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง และแบบรับรองการปฏิบัติตามเงื่อนไขการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
โดยขั้นตอนต่อไปจะนำทั้ง 3 ร่างประกาศดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ(ประชาพิจารณ์)ก่อนนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป
ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศ กสทช.เรื่องมาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องรับที่สามารถใช้รับหรือแปลงสัญญาณในการรับรายการของกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก สำหรับการเชื่อมต่อไปยังระบบโทรทัศน์ดาวเทียม (Satellite TV)พ.ศ.2556 รวมถึงเห็นชอบร่างประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ ใช้คลื่นความถี่ พ.ศ. ... ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำไปประกาศในราชกิจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
อย่างไรก็ตามที่ประชุมไม่ได้นำเรื่องการขอใช้วงจรดาวเทียมเพื่อการให้บริการกระจายเสียงและโทรทัศน์เข้าพิจารณา เนื่องจากบอร์ดกสท.ผู้เสนอวาระดังกล่าวเห็นว่าเรื่องดาวเทียมนั้น บอร์ดกทค.เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ดังนั้นจะต้องตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกสท.และกทค.เพื่อเข้ามาดูในประเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
***เปิดศูนย์สื่อสาร กสทช. เพื่อผู้ประสบภัย
นายฐากร กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์อพยพชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านแม่สุรินทร์ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีชาวกะเหรี่ยงกว่า3,000 คนพักพิงอยู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 36 รายนั้น ล่าสุดกสทช.ได้เปิดศูนย์สื่อสาร กสทช. เพื่อผู้ประสบภัยขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารให้กับประชาชนในพื้นที่ ศูนย์อพยพโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้เพราะเป็นบริเวณจุดอับสัญญาณทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก
เบื้องต้นกสทช.ได้ประสานให้บริษัท ไทยคม นำรถสื่อสัญญาณไปให้บริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือระบบVOIP รวมถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ต และWi-Fiในพื้นที่แล้วซึ่งสามารถใช้บริการได้ทันที และยังประสานงานกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ให้ส่งรถสื่อสัญญาณเดินทางไปยังพื้นที่เช่นเดียวกัน แต่รถดังกล่าวไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ได้จึงจอดไว้บริเวณที่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด และจะนำอุปกรณ์เคลื่อนที่สื่อสัญญาณผ่านดาวเทียมไปให้บริการแทนซึ่งจะสามารถใช้บริการได้ในวันที่ 27 มี.ค.นี้พร้อมเครื่องโทรศัพท์โทร.ฟรีอีก15 เครื่องให้บริการ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นๆก็กำลังทยอยส่งความช่วยเหลือตามเข้าไปเช่นเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าหากการติดต่อสื่อสารในพื้นที่ที่เกิดเหตุสามารถใช้งาน ได้ตามปกติแล้วจะทำให้ความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ได้มากขึ้น
http://www.facebook.com/www.patsat.net#