วิธีการเลือกซื้อ Android Tablet หรือ iPad จีน (ไอแพดจีน) แบบง่ายๆ
การเลือกซื้อ Android Tablet ก็จะคล้ายกับเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือ GPS ติดรถยนต์ ก็คือดู Specification ของตัวเครื่องไว้เป็นสำคัญซึ่งการเลือกซื้อยังมีอยู่หลายอย่างที่ควรพิจารณาแบ่งง่ายๆดังนี้
1. CPU ตัวนี้เป็นตัวเลขที่แสดงถึงความแรงที่ตัว Tablet มี นั่นหมายถึงยิ่งเลขมากก็ยิ่งดี รุ่นแรกๆที่คนไทยหอบหิ้วกันเข้ามาขาย หรือที่เรียกกันว่า รุ่นดักควายนั้น มี CPU เพียง 300MHz ทำให้การทำงานอืด ปัจจุบัน iPad จีน หรือ Android Tablet แบบเกรดดีหน่อย มีการใช้ CPU ตั้งแต่ 800Mhz จนถึง 1.5GHz ในปัจจุบันจะต้องดูควบคู่ไปด้วยว่าเป็น Dual Core หรือ Single Core ซึ่ง Dual ( CPU แกนคู่ ) และในอนาคตอันใกล้ก็จะมี Quad Core ( CPU 4 หัวการประมวลผล) ก็จะประมวลผลได้ไวกว่าแม้จะมีตัวเลข CPU เท่ากันก็ตาม
ตอนนี้บางยี่ห้ออาจโฆษณาว่ามี CPU ที่วิ่งได้สูงสุดถึง 1.5GHz แต่จะแจ้งให้ทราบว่า ตัวเลขสูงสุดที่ CPU รองรับ ไม่ได้หมายความว่ามันวิ่งได้ 1.5GHz เน้นอีกครั้ง รองรับ ไม่ได้แปลว่าสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน และ 1.5GHz แม้ว่าจะมีการโปรโมทกันครึกโครมแต่เอาเข้าใจก็ยังไม่มีบริษัทหรือโรงงานไหนออกมายืนยันว่าทำได้ นอกจากการโฆษณา ต้องระวัง ปัจจุบันผู้ขายมักนำ iPad จีน ราคาถูกสุด แต่คุณภาพก็ต่ำลงไปตามระดับราคาน โดยเมนหลักจะเป็น Chip ตระกูล VIA8650 (บางที่เรียก WM8650 หรือ WonderMedia 8650) ชิพรุ่นนี้เป็น ชิพที่คุณภาพต่ำที่สุดในตลาดโลก แม้แต่คนจีนยังถามก่อนที่เราจะซื้อว่าต้องการตัวนี้หรือ มันคุณภาพแย่นะ?
2. Ram ยิ่งมากยิ่งดีจะมีตั้งแต่ 128, 256, 512 และ ปัจจุบันสูงสุดอยู่ที่ 1GHz (มีนาคม 2555) ส่วนนี้มีผลทำให้การประมวลผลของโปรแกรมโดยรวม ลื่นไหลขึ้นครับ นั่นหมายถึงเปิดโปรแกรมพร้อมๆกันได้มากขึ้นนั่นเอง
3. Android OS คือระบบเครื่องเหมือน Window ในคอมพิวเตอร์นั่นเอง OS มีส่วนช่วยอย่างมากในการขับเคลื่อนของเครื่อง Android Tablet ให้มีความไหลลื่นมากขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น ตอนนี้ OS ของ Android Tablet ใหม่สุดจะคงที่ 4.0 มีการนำ Android 4.0 มาใช้ใน iPad จีนแล้ว แต่ก็ยังต้องดูข้อจำกัดของการใช้งาน เพราะ OS สูงๆก็ใช่ว่าจะดีไปทั้งหมด เพราะใหม่ไปก็ไม่ดี อาจมีข้อเสียได้เช่น โปรแกรมบางตัวไม่รองรับ หรือ บางรุ่นไม่สามารถเล่น Adobe Flash ได้เป็นต้น ง่ายๆความเสถียรยังน้อยกว่า 2.3 Gingerbread ที่มีคนใช้มากที่สุดในตลาดอยู่ดี) ถ้าพอเป็นภาษาอังกฤษอยู่บ้าง พยายามหาชื่อรุ่นที่สนใจ และเปรียบเทียบกับเว็บจำพวก Ebay ฯลฯ เพื่อดู Customer Feedback และ Review ว่ารุ่นไหนมีจุดดี จุดด้อยอย่างไร
แม้ว่า Android OS ของบางรุ่นต่ำกว่า ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าประสิทธิภาพต้องด้อยตามไปด้วย เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น CPU, Graphic ครับ เน้นว่าสำหรับบางรุ่น 4.0 ก็ไม่ได้ดีไปกว่า 2.3 อย่าตัดสินใจที่ตัวเลข OS ครับ
4. หน่วยความจำในเครื่อง ถ้าเป็น Android เวอร์ชั่นต่ำกว่า 2.2 (เช่น Android 1.6, Android 2.1) ต้องเลือกให้เยอะไว้ก่อน เพราะ เวอร์ชั่นเก่าๆ ตัวโปรแกรมที่นำมาลงต้องลงใน Rom เครื่องเท่านั้น เพราะฉะนั้นยิ่งมากยิ่งลงได้เยอะครับ ส่วน Android 2.2 ขึ้นไปจะสามารถลงโปรแกรมใน SD Card ได้เลย จึงไม่ต้องกังวลนัก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดการเคลื่อนย้ายโปรแกรมบางส่วน
5. หน้าจอสัมผัส เป็นแบบ Touch Screen หรือ Multi Touch Screen ซึ่งถ้าเป็น Touch Screen ยังแบ่งออกได้อีกเป็น 2 ประเภทคือ Resistive กล่าวคือต้องใช้ของแข็งเช่น Stylus ในการจิ้มซึ่งแบบนี้ไม่รองรับ Multi Touch และ Capacitive คือต้องใช้นิ้วจิ้ม ใช้ปากกาจิ้มไม่ติด ซึ่งมือถือ Android โดยมากจะเป็นแบบนี้ โดยมากหน้าจอสัมผัสพวก Android Tablet จากจีนส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Resistive ครับ ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่
6. ช่องเสียบต่อเสริมเพิ่มเติม Android OS มีความสามารถที่ติดมาด้วยคือรองรับการต่ออุปกรณ์ภายนอกมากมายหลายประเภท หลักๆที่จะมีเกือบทุกรุ่นคือ
- ช่องเสียบ Micro SD Card ดูว่ารองรับได้สูงสุดกี่ GB รองรับได้กี่ช่อง
- ช่องเสียบ USB บางรุ่นสามารถนำ Flash Drive หรือ External Harddisk มาเสียบอ่านไฟล์ได้เลย บางรุ่นต้องมีสายแปลงหัว 20 หรือ 30 Pin มาแปลงเป็น USB ตัวเมีย เพื่อให้เอาอุปกรณ์มาเสียบพ่วงอีกที
- ช่องต่อสาย LAN มีหรือไม่มี ถ้ามีก็สามารถเสียบแล้วใช้งานได้เลย
- ช่องต่อหูฟัง โดยทั่วไปจะรองรับที่ขนาด 3.5mm ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน
- ช่องต่อ HDMI สามารถนำภาพออกผ่านสาย HDMI ได้เลย
- ช่องใส่ Simcard หรือ Sim โทรศัพท์ เพื่อโทรออก หรือต่อเนทได้ ฟังก์ชั่นนี้ขอแนะนำว่า อย่าใช้ถ้าไม่จำเป็น เพราะ อุปกรณ์ใดๆเมื่อมีการใส่ซิม โดยเฉพาะ 3G จะทำให้แบตเตอรี่หมดไว อีกทั้งทำให้เครื่องร้อนได้ง่าย อีกทั้งความร้อนที่เกิดขึ้นจะบรรจุอยู่ภายในเครื่อง และเครื่องไม่มีรูหรือพัดลมระบายความร้อนเหมือน Notebook เมื่อใช้ไปนานวันเข้าจะทำให้อุปกรณ์เสื่อมง่ายกว่าปกติ
7. การเชื่อมต่อแบบไร้สายต้องสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เนทแบบไร้สายได้ดี การเชื่อมต่อมี 2 ประเภท ได้แก่
- ต่อเนทแบบ Wifi
- ต่อเนทแบบ 3G บางรุ่นสามารถใส่ Sim 3G ได้เลย ในขณะที่บางรุ่น สามารถเสียบใส่ Aircard 3G ได้ แต่โดยมากจะมีข้อจำกัดทำให้แต่ละรุ่นของ Android Tablet รองรับได้ไม่กี่รุ่นเท่านั้น เน้นไว้เลยว่าไม่ใช่ว่ามี Aircard แล้วมันจะ Support ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ
8. แบตเตอรี่ จากจีนจะมีข้อจำกัดเรื่องแบตเตอรี่ว่าอยู่ได้ไม่นาน แบตเตอรี่ในปัจจุบันจะอยู่ได้ราวๆตั้งแต่ 3 ~ 5 ชั่วโมง ถ้าใช้งาน Wifi ไปด้วย แบตก็ยิ่งหมดไวครับ อย่าดูที่มิลลิแอมป์ที่มาก เพราะเมืองจีนสามารถปั๊มเลขอะไรก็ได้ ให้ดูจากการใช้งานจริงของผู้ใช้เป็นหลัก
คำถามที่ดีในการซื้อคือ ใช้ได้กี่ชั่วโมง ไม่ใช่ถามว่ามีกี่มิลลิแอมป์ เพราะ แต่ละเมนบอร์ดก็กินไฟไม่เท่ากัน
9. G-sensor หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือเข็มทิศดิจิตอลแบบที่เห็นใน iPhone ที่เวลาเราหมุนเครื่องจอก็หมุนตาม บางรุ่น Support แค่ 3 ด้าน ไม่ใช่ 4 ด้านเป็นต้น หมุนได้ไม่ได้ก็เป็นลูกเล่นนิดหน่อย เอาไว้เล่นเกมส์เสียมากกว่า
10. กล้อง บอกได้คำเดียวว่าไม่ต้องคาดหวังเลยจะดีกว่า เพราะความคมชัดก็คงประมาณแค่ มือถือจีนครับ
11. หน้าตาของตัวเครื่อง เพราะอุปกรณ์จำพวกนี้ คืออุปกรณ์จำพวกพกพา ต้องมีการอวดโชว์เป็นเรื่องปกติ การเลือกสีแจ๋นๆ หรือดีไซน์เห่ยๆ เป็นการบ่งบอกรสนิยมของคนใช้ได้นะครับ ข้อนี้เล็กๆน้อยๆแต่มันจริงจัง