ตลาดจานดาวเทียมแข่งถล่มราคาดุเดือด แกรมมี่ ได้ฤกษ์เปิดตัวแพลตฟอร์ม วันสกาย 20 ก.ย.นี้ เคาะราคาจานต่ำสุด 500 บาท หวังเป้าปีแรก 2 ล้านจาน ด้าน พีเอสไอ เปิดศึกจานเคยู แบนด์ ขายราคาต่ำกว่าพันบาท
ตั้งเป้า 3 ปีโกยยอด 3 ล้านจาน ส่วน ไอพีเอ็ม เตรียมหั่นราคารับมือคู่แข่ง ชูจุดแข็งคอนเทนท์ 120 ช่อง
ยุทธการล้างบางเสาก้างปลา ในระบบรับสัญญาณโทรทัศน์บ้านเรา กำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้น ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดจานรับสัญญาณดาวเทียม ที่จะเข้ามาเป็นสื่อหลักที่ปรับพฤติกรรมการรับชมโทรทัศน์ของผู้บริโภคชาวไทยชัดเจนขึ้นทุกขณะ ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ เดินหน้าปลุกตลาดเต็มที่ โดยก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแผนลงทุนในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ว่า ได้เตรียมงบประมาณลงทุนราว 3,000 ล้านบาท เพื่อลงทุน 3 ธุรกิจใหม่เป็นหลัก ประกอบด้วยธุรกิจบรอดคาสติ้ง หรือช่องทีวีดาวเทียม, ธุรกิจดิจิทัล ภายใต้การบริหารของบริษัท จีเอ็มเอ็มดี และ การบริหารแพลตฟอร์ม วันสกาย การจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม (set top box) ภายใต้การบริหารของบริษัทวันสกาย มัลติมีเดีย จำกัด ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งในวันที่ 20 ก.ย.นี้ แกรมมี่ ได้เตรียมเปิดตัววันสกาย อย่างเป็นทางการ พร้อมการเปิดตัวกล่องรับสัญญาณดาวเทียมทั้งระบบซีแบนด์ และเคยู แบนด์ เพื่อวางจำหน่ายในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เป็นต้นไป
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ดาวเทียม เปิดเผยว่า การเปิดตัวแพลตฟอร์ม วันสกาย (1 Sky) ซึ่งเป็นธุรกิจจำหน่ายกล่องรับชมสัญญาณช่องทีวีดาวเทียมทั้งระบบซีแบนด์ และเคยู แบนด์ สามารถรับชมช่องรายการที่ออกอากาศแบบฟรี ทู แอร์ กว่า 160 ช่อง ในปัจจุบัน
แกรมมี่วางแผนจำหน่ายกล่องวันสกายในหลายระดับราคาเริ่มต้นที่ 500 บาทสำหรับการรับชมช่องพื้นฐานฟรี ทู แอร์ ครบทุกช่องกว่า 160 ช่อง, กล่องราคา 1,500 บาท สามารถรับชมช่องเพิ่มเติมในระบบล็อกสัญญาณที่แกรมมี่และพันธมิตรร่วมดำเนินการ และกล่องรับสัญญาณเอชดี ราคา 2,500 บาท โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรกที่ 2 ล้านกล่อง
นอกจากนี้ในอนาคตจะพัฒนาไปสู่ธุรกิจทีวีดาวเทียมแบบเพย์ เปอร์ วิว ในกลุ่มคอนเทนท์กีฬาที่แกรมมี่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะรายการสำคัญการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 และมีเป้าหมายจะซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาระดับโลกเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
เปิดช่องกีฬาบุกเพย์เปอร์วิว
นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ กรรมการผู้จัดการสายงานกีฬาและพัฒนาธุรกิจ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.นี้ แกรมมี่จะเปิดตัว 3 ช่องทีวีดาวเทียมกีฬา ได้แก่ จีเอ็มเอ็ม สปอร์ตวัน ช่องกีฬาระดับโลกแถบเอเชีย, จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต ASN ช่องกีฬาระดับโลกแถบอเมริกา, จีเอ็มเอ็ม ยูโรสปอร์ต ช่องกีฬาระดับโลกแถบยุโรป โดยในช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดตัวช่องกีฬาตั้งแต่เดือนต.ค. นี้ จะเปิดให้ผู้ชมที่มีกล่องรับสัญญาณดาวเทียมแบบล็อกสัญญาณทุกระบบ รวมทั้งกล่องวันสกาย และสมาชิกเคเบิลท้องถิ่นดูฟรี
หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2555 จะเริ่มทำตลาดเพย์ เปอร์ วิว เสนอแพ็คเกจการดูช่องกีฬาแกรมมี่ในราคาประหยัดรายเดือนประมาณ 200 บาท และรายปีประมาณ 1,500-2,000 บาท นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจร่วมกับพันธมิตรที่สนับสนุนช่องแกรมมี่อีกหลายแพ็คเกจ โดยตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีหน้า วางแผนจะเปิดช่องกีฬาเพิ่มอีกประมาณ 3 ช่อง ได้แก่ จีเอ็มเอ็ม Fight Sport ช่องกีฬามวยระดับโลกและการต่อสู้ทุกรูปแบบ และจีเอ็มเอ็ม เอาท์ดอร์ สปอร์ต ช่องกีฬาแบบเอ็กซ์ตรีมของคนรุ่นใหม่ทุกชนิด
พีเอสไอเปิดตลาดจานเคยูแบนด์
นายสมพร ธีระโรจน์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจานรับสัญญาณดาวเทียมระบบซีแบนด์ พีเอสไอ เปิดเผยว่าบริษัททำตลาดจานดาวเทียมระบบซีแบนด์ (จานดำ) มากว่า 20 ปี ปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดโดยมียอดขายรวมกว่า 7.5 ล้านจานทั่วประเทศ โดยยอดขายของจานดำส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดต่างจังหวัด ดังนั้นในเดือนต.ค. นี้ บริษัทจะขยายตลาดเพิ่มเติม ด้วยการเปิดตัวจานดาวเทียมระบบเคยู แบนด์ ภายใต้ชื่อ พีเอสไอ โอเค เพื่อทำตลาดจานเล็กรับชมช่องรายการฟรี 70-80 ช่อง เจาะกลุ่มเป้าหมายกรุงเทพฯ และเขตเมืองในต่างจังหวัด กำหนดราคาขาย 990 บาท ไม่รวมการติดตั้ง โดยชูจุดเด่นศูนย์บริการทั่วประเทศ 30 แห่ง และเครือข่ายตัวแทนติดตั้ง 8,500 รายทั่วประเทศ
พีเอสไอ วางเป้ายอดขายจานเคยู แบนด์ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ 5 แสนจาน ส่วนปี 2555 ยอดขาย 1.5 ล้านจาน และเป้าหมาย 3 ปี คือในปี 2556 จำนวน 3 ล้านจาน ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งตลาดจานเคยู แบนด์
ปัจจุบันตลาดจานดาวเทียมทั้งระบบซีแบนด์ และเคยู แบนด์ มีการแข่งขันสูง ทำให้เกิดภาวะสงครามราคา เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาทำตลาด โดยในเดือนก.ย.นี้ แกรมมี่จะเปิดตัวกล่องรับสัญญาณเคยู แบนด์ และซีแบนด์ ในราคาต่ำ ออกมาทำตลาดเช่นกัน
ธุรกิจขายจานดาวเทียมวันนี้ แข่งขันกันที่ราคา ทำให้การขายจานดาวเทียมและกล่องรับสัญญาณแทบไม่มีกำไร เชื่อว่าในอนาคต จะมีการแจกอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมฟรี โดยผู้ประกอบการจะหารายได้จากช่องทางอื่นมาทดแทน นายสมพร กล่าว
จากสถานการณ์การแข่งขันรุนแรงในตลาดจานดาวเทียม ทำให้บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การบริหารใหม่ จากปัจจุบันรายได้หลัก 70% จะมาจากการขายจานดาวเทียมซีแบนด์ แต่หลังจากนี้ จะพัฒนาบริการใหม่ๆ ทั้งด้านการให้บริการส่งสัญญาณดาวเทียมให้กับช่องรายการ เช่น ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ที่จะเปิดตัวในเดือนต.ค.นี้ และจะขยายจำนวนช่องเพิ่มเติมในปี 2556 หลังจากได้ลงนามจองสัญญาณไทยคม 6 ล่วงหน้า 2 ทรานสปอนเดอร์ รวม 44 ช่องรายการ
โครงสร้างรายได้ 3 ปีต่อจากนี้ไป พีเอสไอ จะมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายจานดาวเทียม ลดเหลือ 40% และรายได้จากการให้บริการอื่นๆ เพิ่มเป็น 60% โดยการให้บริการส่งสัญญาณดาวเทียมช่องรายการ และโฆษณาจะมีอัตราการเติบโตสูงสุด
ไอพีเอ็มจ่อหั่นราคารับคู่แข่ง
นายมานพ โตการค้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็ม ทีวี จำกัด เจ้าของแพลตฟอร์ม ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมระบบเคยูแบนด์ จานส้มไอพีเอ็ม เปิดเผยว่าปัจจุบันธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์ และจานรับสัญญาณดาวเทียมอยู่ในภาวะการแข่งขันรุนแรง จากผู้ประกอบการรายใหม่ ที่ใช้กลยุทธ์ราคามาแข่งขันทำตลาด โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ที่จะมีการเปิดตัวจานดาวเทียมระบบเคยู แบนด์ของพีเอสไอ และกล่องวันสกาย ของแกรมมี่ ในช่วงดังกล่าว ไอพีเอ็ม จะใช้กลยุทธ์ราคามาแข่งขันด้วย โดยจะจัดโปรโมชั่นจำหน่ายจานส้ม ในราคาใกล้เคียงกับคู่แข่ง จากปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่ที่ชุดละ 2,250 บาท
นอกจากนี้ จะชูจุดเด่นการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มจานส้ม ที่มีช่องรายการมากที่สุดในระบบเคยูแบนด์ รวม 120 ช่อง โดยเป็นช่องที่บริษัทบริหารเอง 60-70 ช่อง ที่เหลือเป็นช่องรายการของพันธมิตรซึ่งเป็นระบบล็อกสัญญาณเฉพาะจานส้ม ที่มีโฆษณาในปริมาณเหมาะสม ต่างจากช่องฟรี ทู แอร์ ที่จะมุ่งหารายได้จากโฆษณา โดยในปี 2556 หลังจากดาวเทียม SES8 เปิดให้บริการ บริษัทจะเข้าไปบริหารย่านความถี่เพิ่มเติม และวางแผนจะเพิ่มช่องรายการบนจานส้มไอพีเอ็มเป็น 160 ช่อง และช่องเอชดี 20-40 ช่อง เชื่อว่าจะเป็นอีกจุดแข็งที่สามารถแข่งขันในตลาดจานดาวเทียมได้เหนือคู่แข่ง
ในปีที่ผ่านมา ไอพีเอ็มอยู่ในตลาดประมาณ 1 ล้านจาน ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายอีก 1 ล้านจาน รวมยอดสะสมในตลาดเป็น 2 ล้านจาน และจากจุดเด่นจำนวนช่องรายการคาดว่าในปีหน้า น่าจะทำยอดขายได้อีก 1 ล้านจาน รวมยอดสะสมเป็น 3 ล้านจาน
เคเบิล-ทีวีดาวเทียมเข้าถึง 80%
นางวรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินิชิเอทีฟ จำกัด มีเดีย เอเยนซี เปิดเผยว่าการขยายตัวของสื่อใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี และสื่อดิจิทัล ทำให้ผู้บริโภคไทยสามารถเข้าถึงสื่อได้หลากหลาย โดยพบว่าเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม เป็นสื่อที่มีอัตราการเติบโตสูง จากการสำรวจพบว่าสามารถเข้าถึง 20 ล้านครัวเรือนไทยแล้วถึง 80% หรือคิดเป็นจำนวน 17.2 ล้านครัวเรือน มีฐานผู้ชมกว่า 53.3 ล้านคนทั่วประเทศ อัตราการเข้าถึงและจำนวนผู้ชมดังกล่าว เริ่มใกล้เคียงกับฐานผู้ชมฟรีทีวีในปัจจุบัน ทำให้สินค้าต่างๆ ให้ความสนใจลงโฆษณาในช่องเคเบิลและทีวีดาวเทียมมากขึ้น
ปีที่ผ่านมางบโฆษณาผ่านสื่อเคเบิลและทีวีดาวเทียมเติบโต 50-60% โดยช่องทีวีดาวเทียม ที่มีเรทติ้งผู้ชมสูงมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอัตรา 20-40%
เครดิต :
http://daily.bangkokbiznews.com/detail/22785
ผู้เขียน
