++ สร้างเน็ตเวิร์กใหม่"วัน สกาย"
ล่าสุด นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ประกาศอีกครั้ง กับการปรับโมเดลธุรกิจ จากการเป็นคอนเทนต์ โพรไวเดอร์ หรือผู้ผลิตคอนเทนต์ป้อนให้กับสื่อต่างๆ ในครั้งนี้ แกรมมี่ดึงความพร้อมและเครื่องมือทุกอย่างที่มี มาต่อยอดลงในส่วนของธุรกิจบรอดแคสติ้ง ในรูปแบบของ Broadcasting Business ซึ่งเป็นขาธุรกิจที่แกรมมี่ได้ดำเนินการมาปีกว่า จนประสบความสำเร็จ จากตัวเลขรายได้ที่ปรากฏที่มีการเติบโตเป็นเท่าตัว หรือจากตัวเลขไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ธุรกิจบรอดแคสต์หรือดาวเทียม มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 76% มีเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้ามามากขึ้นจากผลสำรวจความนิยม 5 ช่องแกรมมี่ ได้แก่ กรีน แชลแนล. แอ็กซ์ แชนแนล. แบง แชนแนล, แฟนทีวี และ สาระแน แชนแนล ของ เอจีบี เนลสัน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2554 พบว่ามีผู้รับชมช่องแกรมมี่ถึง 66 ล้านผู้ชม(Viewer) เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วที่มีผู้ชมช่องแกรมมี่ 52 ล้านผู้ชม
นายไพบูลย์ มีแผนต่อยอดธุรกิจบรอดแคสติ้ง ทั้งการลงทุนเองและจับมือกับกลุ่มพันธมิตร เปิดช่องรายการใหม่ๆ อาทิ ช่องกีฬาต่างประเทศ ช่องภาพยนตร์ระดับ Blockbuster และ ช่องสารคดี เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็น "แพลตฟอร์ม เน็ตเวิร์ก" โดยล่าสุด ประกาศลงทุนในช่วง 3 ปี ด้วยงบกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจนี้ทั้งหมด รวมทั้งการซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ และให้บริการกล่องรับสัญญาณ ภายใต้ชื่อ "วัน สกาย เน็ตเวิร์ค" ซึ่งเป็นการรวบรวมช่องรายการโทรทัศน์ดาวเทียมทั้งผู้ผลิตรายการในประเทศและรายการลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ รวมประมาณ 200 ช่องมาให้บริการผู้ชมในราคาตั้งแต่ 600-800-1,500 บาท และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้
เบื้องต้น แกรมมี่ใช้งบกว่า 1,000 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาสำคัญ ๆ เพื่อผลิตช่องรายการกีฬาจำนวน 6 ช่อง ได้แก่ ช่องจีเอ็มเอ็ม สปอร์ต วัน ซึ่งมีลิขสิทธิ์รายการถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอล เช่น ยูโร 2012 บุนเดสลีก้า เยอรมัน เริ่มฤดูกาล 2012/2013 ช่องเอเอสเอ็น ช่องกีฬายอดนิยมจากสหรัฐอเมริกา อาทิ บาสเกตบอล, อเมริกันฟุตบอล, ฮอกกี ช่องยูโร สปอร์ต ช่องคิกซ์ (KIXX) เป็นช่องกีฬาแนวเอ็กซ์ตรีม
นอกจากนี้ ยังมีช่องภาพยนตร์จากวอร์เนอร์และช่องสารคดีบีบีซี เวิลด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการต่อเนื่อง และประมาณไตรมาส 2 -3 ในปีหน้า นายไพบูลย์ จะเปิดอีกหนึ่งช่องรายการข่าวแนวเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นรูปแบบงานที่มีความสนใจมากมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยงบลงทุนสำหรับช่องนี้ ที่ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
"ภายใน 2 ปี เชื่อว่ารายได้จากธุรกิจทีวีดาวเทียม จะมีสัดส่วนมากกว่าธุรกิจเพลง จากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กำไรของเราเพิ่มขึ้น 114% ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างของธุรกิจเพลง ทำให้รายได้กลับมาเติบโตในสัดส่วน 26% ขณะที่ธุรกิจกลุ่มรายการโทรทัศน์และโทรทัศน์ดาวเทียมในช่วงไตรมาส 2 มีรายได้รวม 750.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว" นายไพบูลย์กล่าว
ที่มา :
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=79401:2011-08-16-03-41-12&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456
ผู้เขียน
